วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ประวัติศิลปิน Akon


หลัง จากเอาชนะใจบรรดาแฟนเพลงด้วยอัลบั้มเปิดตัว Trouble ในปี 2003 ที่ได้รับแผ่นเสียงทองคำขาวนับไม่ถ้วน นักร้องหนุ่มชาวเซเนกัลก็กลับมาพร้อมเรื่องราวจากประสบการณ์ที่มากขึ้นกว่า เดิมซึ่งอัดแน่นอยู่ในอัลบั้มชุดที่สองของเขา Konvicted ถ้าอัลบั้ม Trouble คือบทกวีแห่งการไถ่บาปของ เอค่อน Akon (ก่อนจะเริ่มอาชีพบนถนนสายดนตรี เขาเคยติดคุกในข้อหาขโมยรถมาก่อน) อัลบั้ม Konvicted ก็น่าจะเป็นการเกิดใหม่อีกครั้งของเขา ตอนนี้ภารกิจของเขาคือปฏิวัติตัวเองเสียใหม่ผ่านทางดนตรีแห่งการพ้นทุกข์

แม้ ซิงเกิ้ลฮิต "Locked Up" จะสร้างชื่อเสียงให้เขา แต่ความเฉียบคมที่เต็มเปี่ยมด้วยความหลากหลายกลับปรากฏเด่นชัดอยู่ในอัลบั้ม ชุดที่สองของเขา ในอัลบั้ม Konvicted เขาได้โปรดิวซ์และแต่งเพลง 11 เพลงจากทั้งหมด 12 เพลง อัลบั้มชุดนี้มีบทเพลงที่เขาได้บันทึกเสียงร่วมกับศิลปินชื่อดังอย่าง Eminem (อยู่ในซิงเกิ้ลแรก "Smack That"), Snoop Dogg (ในเพลง "I Want to Love You") และกับ Styles P. (ซึ่งเป็นผู้เรียบเรียงซิงเกิ้ลฮิตเพลงแรก "Locked Up" ให้ เอค่อน Akon) อัลบั้ม Konvicted คือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างดนตรีข้างถนน ความคิดริเริ่มในห้องอัดและความรู้รอบตัวเพื่อสร้างสรรค์หนึ่งในอัลบั้มที่ จริงใจที่สุดของปี 2006

"Smack That" คือเพลงบ้าระห่ำเต็มเปี่ยมด้วยพลังที่มีองค์ประกอบของเพลงเต้นรำในคลับอยู่ อย่างครบถ้วน แถมยังได้เนื้อเพลงบาดหูจากเจ้าพ่อเพลงแร็พ Eminem มาเสริมทัพให้มันส์ขึ้นไปอีก เอค่อน Akon ได้เจอกับ Eminem ไม่นานหลังร่วมงานกับ Obie Trice ในเพลง "Snitch" ทั้งสองคนกลายเป็นเพื่อนกันในเวลาที่รวดเร็ว "ผมรู้ทันทีว่าอยากได้ Eminem มาร่วมร้องในเพลงนี้ แต่เขาระวังตัวมากกับการไปปรากฎตัวบ่อยเกินไปในเพลงของคนอื่น ตอนที่เขาโทรมาบอกว่าพร้อมจะเข้าห้องอัดแล้ว ผมรู้ว่าผมโชคดีสุดๆ ผมรีบนั่งเครื่องบินไฟท์แรกไปดีทรอยต์ทันที" เอค่อน Akon กล่าว

อีก หนึ่งบทเพลงที่โดดเด่นไม่แพ้กันคือเพลงต่อต้านแก๊งอันธพาลอย่างเพลง "Runnin'" เพลงนี้มาจากการที่เขาหวนระลึกถึงเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง Super Fly ของตำนานเพลงโซล Curtis Mayfield ที่เปี่ยมล้นไปด้วยความจริงใจ เขานึกถึงการดิ้นรนเพื่อหลุดพ้นจากวงจรอุบาทว์ เมื่อเขาร้องว่า "ผมเบื่อที่ต้องคอยวิ่งหนีกฎหมาย" น่าขันที่เพลงสุดแสนไพเราะนี้ถูกแต่งขึ้นมาในขณะที่ Akon ยังติดคุกอยู่ "นี่คือเพลงที่คุณสัมผัสได้เพราะมันคือเรื่องจริง" เอค่อน Akon กล่าวเปิดใจ "ผมหมายความตามคำพูดที่ร้องออกมาทุกคำ"

ด้วย การทำงานที่เจริญรอยตามแนวทางของศิลปินรุ่นบุกเบิกอย่าง R. Kelly เขาได้เปลี่ยนจากการเล่าเรื่องที่ดิบเถื่อนมาสู่เพลงแดนซ์เขย่าฟลอร์และเพลง บัลลาดที่สร้างแรงดลใจให้ผู้คนด้วยท่อนเพลงร้องผสมแร็พที่เฉียบคม นอกจากนี้ เอค่อน Akon ได้ทำ หน้าที่ร้องประสานในเพลงของตัวเองอีกด้วย "ผมไม่ได้มีเป้าหมายที่จะยกย่องเชิดชูชีวิตในด้านมืด แต่แก๊งอันธพาลก็เป็นคนเหมือนกัน พวกเขามีครอบครัว มีลูก ผมพยายามชี้ให้เห็นว่าในด้านมืดนั้นก็ยังมีด้านสว่างอยู่ ผมห้ามให้ใครทำอะไรไม่ได้ แต่ผมเป็นแบบอย่างที่ดีให้พวกเขาได้"

ในขณะที่เนื้อเพลงของ เอค่อน Akon ยังคงเข้มข้นไม่เปลี่ยน เขาก็ได้พิสูจน์ให้เห็นด้วยว่ามีความคิดสร้างสรรค์ในด้านการผลิตผลงาน เขาไม่กลัวที่จะใส่กลิ่นไอเพลงป๊อปอย่างเสียงเปียโนและไวโอลินลงไป ดังจะเห็นได้จากเพลงบัลลาดหลอนหูสุดเลิศ "Never Took the Time" "เวลาแต่งเพลง ผมพยายามทำดนตรีที่ฉีกแนวไปจากตัวเอง" เอค่อน Akon เผยที่มาให้ฟัง "ในวงการดนตรีตอนนี้ โปรดิวเซอร์มีหน้าที่ผลักดันให้เกิดสไตล์เพลงที่หลากหลาย"

จาก การทำงานในสตูดิโอของเขาเองที่แอตแลนต้า เพลงที่น่าจะเป็นเพชรน้ำเอกของอัลบั้ม Konvicted คือเพลงที่ทรงพลังอย่าง "Africa" ด้วยทำนองเพลงที่มีเสียงเพอร์คัสชั่นอันหนักหน่วงที่อุทิศให้บ้านเกิดของเขา เนื้อเพลงที่เขาแต่งกล่าวถึงประเด็นมากมายที่เขาเคยหยิบยกขึ้นมาพูด ตั้งแต่เรื่องการใช้แรงงานทาสไปจนถึงการแบ่งแยกสีผิว "เป้าหมายหนึ่งที่ผมแต่งเพลง "Africa" ขึ้นมาก็เพื่อให้ทุกคนรับรู้ถึงการมีอยู่ของทวีปแอฟริกา" เอค่อน Akon กล่าว

ด้วยความยอดเยี่ยมของอัลบั้ม Konvicted ผู้ที่เป็นทั้งเจ้าของค่ายเพลง นักร้อง นักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์อย่าง เอค่อน Akon ได้ทลายกำแพงแห่งเสียงดนตรีลง พร้อมกับแสดงให้ทุกคนประจักษ์ถึงความสำคัญของเขาในฐานะผู้นำแห่งจิตวิญญาณใน สหัสวรรษใหม่ อัลบั้ม Konvicted จึงเป็นเหมือนไวน์ชั้นดีที่พิสูจน์ให้เห็นว่ายิ่งเวลาผ่านพ้นไป ฝีมือการทำงานของ Akon ก็ยิ่งจัดจ้านขึ้นเรื่อยๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น